การตรวจสภาพรถหรือการตรวจเช็ครถตามระยะ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสองก็ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าเราไม่ตรวจเช็คระยะรถยนต์ อาจส่งผลเสียต่อรถยนต์ของเราได้ ผู้ขับขี่หลายๆคนอาจมองข้ามหรือละเลยไปเพราะเห็นว่ารถยังใช้งานได้ตามปกติไม่มีปัญหาอะไร แต่จริงๆแล้วเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ารถที่เราขับเป็นประจำมีความผิดปกติจุดไหนบ้าง ซึ่งการไม่เช็คระยะอาจกลายเป็นปัญหารถพังและทำให้เกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้
การเช็คระยะรถยนต์เมื่อครบกำหนดตามที่ศูนย์รถยนต์แจ้งไว้ โดยจะเช็คตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายในเครื่อง รวมถึงระบบต่าง ๆ ได้แก่ ระบบรองรับ และยางรถยนต์, ระบบเบรก, ระบบคลัทช์, ระบบบังคับเลี้ยว, ระบบช่วงล่าง และตัวถัง, ระบบส่งกำลัง, ระบบเครื่องยนต์, ระบบเชื้อเพลิง และระบบควบคุมไอเสีย, ระบบจุดระเบิดหัวเทียนและแบตเตอรี่ และอื่น ๆ ที่เป็นชิ้นส่วนเล็กน้อยทั่วไป เป็นต้น
1.นับจากระยะเวลา เริ่มนับตั้งแต่วันออกรถ
2.นับจากระยะทาง เลขไมล์ที่วิ่งใช้งานไป
ระยะเวลาประมาณ 1-6 เดือน หรือทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร
ตรวจเช็คเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง พร้อมกับตรวจเช็กยางรถยนต์ ระบบจานเบรกและผ้าเบรก
ระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน หรือทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
ตรวจเช็คเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง การสลับยางพร้อมถ่วงล้อ ตรวจความเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน และที่ฉีดน้ำยาล้างกระจก ตรวจเช็กระบบเบรก ระบบคลัตช์ ตรวจดูการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัตช์ ระบบช่วงล่างทั้งโช้คอัพหน้าหลัง
ระยะเวลาประมาณ 12-24 เดือน หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองและน้ำมันเกียร์ พร้อมดูความตึงและหย่อนของสายพานขับและสายพานเครื่องยนต์ เช็กระบบช่วงล่างไล่มาตั้งแต่ระบบบังคับเลี้ยว ระบบคันชัก-คันส่ง ลูกหมาก
ระยะเวลาประมาณ 12-24 เดือน หรือทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก น้ำมันคลัตช์ น้ำมันพวงมาลัย น้ำมันเกียร์ออโต้ และน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ รวมทั้งจะมีการเปลี่ยนสายพานขับปั๊ม สายพานแอร์ และใบปัดน้ำฝน
ระยะไม่เกิน 36 เดือน หรือ 60,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง อุปกรณ์บางอย่างก็ถึงกำหนดที่จะต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะด้วยการใช้งานที่ผ่านมาหลายปี อันดับแรกที่ต้องตรวจเช็กคือแบตเตอรี่ ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการใช้งานและวิธีการขับรถของเรา โดยทั่วไปแบตเตอรี่รถยนต์จะสามารถใช้งานประมาณ 1 ปีครึ่ง - 2 ปี รวมถึงเปลี่ยนสายหัวเทียน เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบที่เกี่ยวข้องกับหม้อน้ำ
อ่านเพิ่มเติม : แบตเตอรี่รถยนต์ใช้งานได้กี่ปี มีกี่ประเภท
ระยะไม่เกิน 60 เดือน (5 ปี) หรือ 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป
อายุการรับประกันของรถยนต์ในปัจจุบันที่มาพร้อมกับรถใหม่ป้ายแดงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (หรือขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละราย) ด้วยระยะทางดังกล่าวถือว่ารถคันนั้นผ่านการใช้งานมาพอสมควร อะไหล่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ย่อมมีการสึกหรอชำรุด สิ่งที่ควรต้องตรวจเช็คเป็นพิเศษจะเป็นยางล้อรถยนต์
ปกติแล้วอายุการใช้งานของยางล้อจะอยู่ที่ 70,000-100,000 กิโลเมตร จะต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่ยกชุด พร้อมตรวจเช็กและระบบของเหลวในรถทั้งหมด เนื่องจากต้องทำงานกับอุณหภูมิที่ร้อนและมีแรงดันสูง จึงทำให้มีการชำรุดกรอบได้ง่าย
1. รถยนต์ทำงานได้เต็มที่ และเครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย งบไม่บานปลาย
3. ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพ ยืดอายุการใช้งานของรถให้ใช้งานได้ยาวนาน
4. สร้างความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
5. สร้างความมั่นใจและอุ่นใจขณะขับขี่รถยนต์
เช็คระยะรถยนต์อู่นอก มีข้อดี คือ เรื่องการถ่ายของเหลวหรืออื่นๆ อาจมีราคาที่ถูกกว่า แต่อุปกรณ์บางส่วนที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ และอาจไม่ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม
เช็คระยะศูนย์บริการ ข้อดีคือ ได้รับการตรวจสอบจุดสำคัญได้อย่างครบถ้วน แต่จะมีการคิดค่าแรง และค่าบริการตามการตรวจเช็ค
การเช็คระยะรถยนต์อู่นอกกับที่ศูนย์บริการ จะมีในส่วนของอะไหล่ที่ใช้งานอาจมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเลือกตามความเหมาะสมและความสะดวกของผู้ใช้งานได้เลย อย่างไรก็ตาม การตรวจสภาพรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น ควรนำรถไปเช็คระยะทุกครั้งเมื่อครบกำหนด เพราะการเช็คระยะรถยนต์เป็นวิธีดูแลรักษาและช่วยยืดเวลาให้รถยนต์ของเราใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ร่วมถนนด้วย
หากคุณกำลังมองรถบ้านมือสองคุณภาพดี สามารถเข้ามาเลือกดูรถได้ที่ Rodpromptkai.com หรือสนใจลงประกาศขายรถของคุณฟรีกับเรา ลงขายง่ายมากเพียงไม่กี่ขั้นตอน ซื้อง่ายขายจบภายในเว็บเดียว !!