รถเสียกลางทาง ทำอย่างไรดี

17 Feb 2025
Share แชร์ Share on Facebook Share on Twitter Share on Line
what-to-do-if-your-car-breaks-down-on-the-road

เคยไหม? ขับรถอยู่ดีๆ รถดันมาดับกลางทาง หรือมีเสียงแปลกๆ จนต้องจอดข้างทาง แบบนี้อย่าเพิ่งตกใจไป วันนี้เรามีวิธีเอาตัวรอดเมื่อรถเสียกลางทางมาฝาก รับรองว่าอ่านแล้วเอาไปใช้ได้จริง


ตั้งสติและประเมินสถานการณ์ 

ก่อนอื่นเลย ใจเย็นๆ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจจนเผลอทำอะไรผิดพลาด หายใจเข้าลึกๆ แล้วมาดูว่ากันว่ารถเสียเพราะอะไร ลองสังเกตว่ามีเสียงแปลกๆไหม? มีกลิ่นไหม้หรือเปล่า? มีไฟเตือนบนหน้าปัดขึ้นหรือไม่? ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าฝืนขับต่อเพราะอาจทำให้รถพังหนักกว่าเดิม


จอดรถในที่ปลอดภัย

ถ้ารู้สึกว่ารถเริ่มมีปัญหา ให้พยายามหาที่จอดข้างทางที่ปลอดภัย เช่น ไหล่ทาง จุดพักรถ หรือบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการจอดกลางถนนหรือที่โค้งหักศอก เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ถ้าจำเป็นต้องจอดกลางถนนจริงๆ ให้พยายามหาจุดที่มองเห็นได้ง่าย และเปิดไฟฉุกเฉินทันที


ตั้งเครื่องหมายเตือนภัย/เปิดไฟฉุกเฉินทันที

เพื่อให้รถคันอื่นรู้ว่ารถเรามีปัญหา ถ้ามีกรวยหรือป้ายเตือนควรตั้งไว้ห่างจากรถพอสมควรเพื่อแจ้งเตือนให้คันอื่นเห็นแต่ไกล ถ้าไม่มีป้ายเตือนสามารถใช้ของที่มีอยู่ในรถหรือข้างถนน เช่น กระเป๋า, ขวดน้ำ หรือกิ่งไม้ วางไว้ห่างจากรถเพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถคันอื่นเห็นรถเรา


ตรวจสอบปัญหาเบื้องต้น 

ถ้าเราไม่แน่ใจว่ารถเป็นอะไรลองเช็กสิ่งง่ายๆเหล่านี้ดูก่อน เช่น

  • น้ำมันหมด: ลองดูเกจน้ำมัน ถ้าต่ำหรือไฟเตือนขึ้นอาจเป็นเพราะน้ำมันหมด
  • แบตหมด: ไฟหน้าปัดไม่ติด สตาร์ทรถไม่ติดหรือเสียงเครื่องอืดๆอาจเป็นเพราะแบตเตอรี่หมด
  • ยางแบนหรือแตก: ลองลงไปดูรอบๆรถ ถ้ายางแบนหรือแตกควรเปลี่ยนยางสำรอง
  • เครื่องยนต์ร้อนจัด: ถ้ามีไอน้ำพุ่งจากฝากระโปรงหรือเกจความร้อนขึ้นสูงให้ดับเครื่องแล้วรอให้เย็นก่อนเปิดฝาหม้อน้ำ
  • ระบบไฟมีปัญหา: ไฟหน้าหรือไฟเลี้ยวไม่ติดอาจมีปัญหาที่ฟิวส์หรือแบตเตอรี่

ถ้าเป็นปัญหาง่ายๆอาจแก้ไขเองได้ เช่น เติมน้ำมัน เปลี่ยนยาง หรือพ่วงแบต แต่ถ้าเกินความสามารถแนะนำให้เรียกช่างจะปลอดภัยกว่า

อ่านเพิ่มเติม รวมเบอร์โทรฉุกเฉิน ที่คนใช้รถใช้ถนนต้องรู้


วิธีเปลี่ยนยางสำรอง

ถ้ายางแบนหรือแตกคุณไม่ต้องกังวล! ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย

  1. จอดรถในที่ปลอดภัย  หาที่จอดเรียบๆ ไม่เอียง เปิดไฟฉุกเฉิน และตั้งป้ายเตือน
  2. หายางสำรองและเครื่องมือ  โดยปกติจะมีแม่แรงและประแจล้ออยู่ในท้ายรถ
  3. คลายน็อตล้อ  ใช้ประแจหมุนทวนเข็มนาฬิกา (แต่อย่าเพิ่งถอดออก)
  4. ยกแม่แรงขึ้น  วางแม่แรงที่จุดยกใต้รถ แล้วยกให้ล้อยกขึ้นจากพื้นเล็กน้อย
  5. ถอดล้อเดิมออก หมุนน็อตออกจนสุด แล้วยกยางที่เสียออก
  6. ใส่ยางสำรอง จัดให้รูตรงกับแกนล้อ แล้วขันน็อตกลับเข้าไปพอแน่น
  7. ลดแม่แรงลง ค่อยๆ ลดระดับรถให้ล้อสัมผัสพื้น
  8. ขันน็อตให้แน่นอีกครั้ง  ใช้แรงขันน็อตให้แน่นเพื่อความปลอดภัย
  9. เก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย  เช็กให้แน่ใจว่ายางเดิมถูกเก็บไว้ และอุปกรณ์ถูกจัดเก็บเข้าที่

ขับรถต่ออย่างระมัดระวัง ยางสำรองบางรุ่นไม่เหมาะกับการขับเร็ว ควรเปลี่ยนเป็นยางปกติเร็วที่สุด

*หลังเปลี่ยนยางคุณควรเอารถเข้าศูนย์ซ่อมหรือร้านยางเพื่อเช็คและขันน็อตให้แน่นอีกครั้ง*
 

ขอความช่วยเหลือ ระวังมิจฉาชีพ!

ถ้าเช็กแล้วแก้เองไม่ได้โทรหาประกันรถหรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ถ้าไม่มีประกันก็ลองโทรหาช่างที่ไว้ใจได้หรือขอความช่วยเหลือจากตำรวจทางหลวง แต่ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเสนอความช่วยเหลือ คุณอย่าเพิ่งไว้ใจ 100% ควรระวังตัวให้ดีและถ้าไม่แน่ใจให้รอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้

เช็คระยะรถยนต์สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องเช็ค ?


ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาล่วงหน้า

เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ ควรตรวจเช็กรถเป็นประจำ เช่น ตรวจแบตเตอรี่ ยาง น้ำมันเครื่อง และอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อมเสมอ สามารถดูวิธีเช็ครถได้ที่ ก่อนเดินไกลเตรียมรถยังไงดี

หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ตรงใจ ทั้งรถใหม่ป้ายแดงและรถมือสองคุณภาพเยี่ยม เว็บไซต์รถพร้อมขาย พร้อมให้บริการคุณ เรามีรถหลากหลายรุ่นจากทุกแบรนด์ดัง เช่น Toyota, Honda, Isuzu, Ford, Nissan, Mazda, BMW, Mercedes-Benz และอีกมากมาย ราคาดี คุ้มค่า
เช็กสเปกง่าย  มีเอกสารครบ ซื้อ-ขายปลอดภัย มั่นใจได้เลย ค้นหารถที่ใช่ คลิกเลย! rodpromptkai.com