เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนทีไรมักจะมีน้ำขังตามจุดต่างๆ บนท้องถนน หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการขับรถลุยน้ำนั้นเสี่ยงทำผิดกฎหมาย แต่ถ้าขับปกติไม่กระเด็นหรือเดือดร้อนผู้อื่นคงไม่เป็นไร แต่ถ้าขับรถเหยียบน้ำจนกระเด็นใส่ผู้อื่น ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย และมีโทษทั้งจำทั้งปรับ !
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 (8) ประกอบมาตรา 158/1 ผู้ใดขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่า ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์เหยียบน้ำกระเด็นใส่ คนขับจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้าของรถได้ หากทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถเหยียบน้ำกระเด็นใส่ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 438 กำหนดให้ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติกรรมและความร้ายแรงแห่งการละเมิด
เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ อันดับแรกเลย คือ
1. รีบตั้งสติ จดและจำทะเบียนรถคันก่อเหตุไว้
2.ให้ถ่ายภาพ ได้ทั้งภาพและวิดีโอเพื่อเป็นหลักฐาน
3. นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
จริงๆแล้วในช่วงหน้าฝนที่มีน้ำท่วมขังเป็นสถานการณ์ที่ผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรใช้ความระมัดระวัง ใช้ความเร็วต่ำขณะฝนตกหรือเจอแอ่งน้ำ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้เพื่อนร่วมทางเดือดร้อน ยังช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ด้วย
1. ประเมินระดับน้ำด้วยตาเปล่า
ขั้นแรกระดับน้ำท่วมขังไม่ควรสูงเกิน 6 นิ้ว จากพื้นผิวถนนหรือเกินกว่าระดับกึ่งกลางล้อขึ้นมา เนื่องจากระดับน้ำที่สูงเกินไปอาจทะลักเข้าสู่ด้านหน้ารถทำให้เครื่องยนต์เสียหายหรือดับกลางทางได้ ถ้าคุณไม่คุ้นชินกับถนนที่กำลังขับขี่อยู่ ให้จอดรถก่อนถึงบริเวณที่มีน้ำท่วมขังเพื่อดูรถคันอื่นขับผ่านไปก่อน
2. ขับรถช้าๆ และชิดเส้นกึ่งกลางถนน
เมื่อขับเข้าสู่บริเวณน้ำท่วมขังแล้ว ควรขับชิดกึ่งกลางถนนเพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบริเวณที่ระดับน้ำต่ำที่สุด ควรใช้เกียร์หนึ่งในการขับขี่ (หรือเกียร์ D ตามปกติ) และขับให้ช้าราว 2 – 3 กม./ชม. เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์
3. ห้ามเปิดแอร์โดยเด็ดขาด
ถ้ารู้ว่าต้องขับขี่ผ่านถนนน้ำท่วมขังให้ปิดแอร์และลดกระจกลงเล็กน้อย เพราะจะช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์และป้องกันไม่ให้พัดลมทำงานที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงเครื่องยนต์ดับกลางทาง
4. รถขับเคลื่อน 4 ล้อก็ห้ามประมาท โดยเด็ดขาด
แม้กระทั่งรถเอสยูวีหรือรถกระบะที่ขับเคลื่อน 4 ล้อก็ควรระมัดระวังและขับช้าๆ บนถนนที่มีน้ำท่วมขัง เพราะไม่เพียงป้องกันรถของตนเองเกิดความเสียหายเท่านั้น แต่ยังจะไม่สร้างคลื่นน้ำสูงไปรบกวนรถคันอื่นที่อาจมีความเตี้ยมากกว่า
5. เว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าปกติ
การขับรถเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้ามากกว่าการขับขี่บนถนนที่แห้งตามปกติจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงไม่ต้องชะลอจนต้องจอดกลางน้ำท่วมขังถ้ารถคันหน้าชะลอความเร็วซึ่งสุ่มเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะดับได้ ขณะเดียวกัน ยังป้องกันอุบัติเหตุการชนท้ายเพราะเบรกของคุณอาจมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมากเมื่ออยู่ในน้ำ
6. หากเครื่องยนต์ดับให้ออกจากรถ
ถ้าเครื่องยนต์ดับขณะขับขี่อยู่กลางน้ำท่วมขัง ไม่ควรเปิดฝากระโปรง แต่ให้ออกมาจากรถและไปยืนรอบนทางเท้าหรือบริเวณที่แห้งเพื่อรอรับความช่วยเหลือ
7. เช็คเบรกทุกครั้งเมื่อขับออกจากน้ำท่วมขัง
หลังจากขับผ่านน้ำท่วมขังแล้ว ควรย้ำเบรกหลายครั้งเพื่อให้เบรกกลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม โดยในช่วงแรกไม่ควรขับรถเร็วมากนักจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าเบรกของคุณจับหรือทำงานได้เหมือนเดิม ถ้าน้ำมีระดับสูงมากควรจะนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพเบื้องต้นว่ามีชิ้นส่วนใดเสียหายหรือไม่
และนี่คือเกร็ดความรู้ที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรรู้ไว้ เพื่อเตรียมรับมือในช่วงหน้าฝน ใครเจอเหตุการณ์นี้ให้จดและจำทะเบียนคันก่อเหตุไว้ให้ดีๆ พร้อมถ่ายภาพและวิดีโอไว้ แล้วนำหลักฐานเข้าแจ้งความ ส่วนผู้ขับขี่ถ้าไม่อยากโดนทั้งจำทั้งปรับก็ควรขับขี่อย่างระมัดระวัง เมื่อฝนตกและเจอแอ่งน้ำก็ควรขับช้าๆ เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
หากใครสนใจซื้อรถมือสอง สามารถค้นหารถมือสองราคาถูก สภาพดี ได้ง่ายๆ กับ RodPromptKai มีรถพร้อมขายให้เลือกจากหลากหลายแบรนด์ดัง รับประกันคุณภาพ ในราคาที่โดนใจ เรื่องซื้อขายรถมือสองต้องที่ RodPromptkai.com เท่านั้น !
อ่านเพิ่มเติม : เงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะซื้อรถคันแรกได้