ปัจจุบันกระแสรถไฟฟ้ากำลังมาแรงแทบจะแซงรถสันดาป ทำให้คนเริ่มสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาขับ จึงมักจะเกิดปัญหากับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ปัญหาที่ว่าคือไม่ใช่เรื่องการขับขี่แต่อย่างใด แต่เป็นปัญหาที่ผู้ขับขี่หาจุดชาร์จไม่เจอ ไม่รู้จะชาร์จที่ไหน จุดชาร์จอยู่ที่ไหนบ้าง ? ยิ่งถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาวก็จะยิ่งหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าได้ยากขึ้นไปอีก แนะนำว่าหากจะไปที่ไหน ควรวางแผนและหาจุดใช้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าล่วงหน้าไว้เลย สำหรับในบทความนี้รถพร้อมขายได้รวบรวมจุดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการอัพเดท 2568 จากผู้ให้บริการมาทั้งหมด 9 ราย พร้อมเทคนิคการชาร์จรถไฟฟ้าที่ถูกต้อง จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย !
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เปิดให้บริการในชื่อ PEA VOLTA พร้อมรองรับการแบบชาร์จเร็ว Quick Charge ด้วยหัวชาร์จมาตรฐาน 3 แบบ ได้แก่ CHAdeMO, CCS Combo2 และ AC Type2 และได้ร่วมมือกับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการร่วมกันเปิดสถานีในสถานีบริการน้ำมันบางจากบนเส้นทางสายหลักอย่างต่อเนื่อง และเปิดให้บริการตามจุดท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ปัจจุบันเปิดแล้ว 339 สถานี และ 1,021 หัวชาร์จ แบ่งได้ดังนี้
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าในพื้นที่การไฟฟ้า
สถานีรถไฟฟ้าในปั๊มน้ำมันบางจาก
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : PEA VOLTA
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง (MEA) เปิดให้บริการรองรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี ที่มีบริการทั้งแบบ Normal Charge และ Quick Charge และยังได้ขยายความร่วมมือกับ 7-Eleven ในการเปิด EV Charging Station เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเปิดแล้วทั้งหมด 233 สถานี และ 624 หัวชาร์จ แบ่งเป็นที่อยู่ในพื้นที่การไฟฟ้าและพื้นที่พันธมิตร ดังนี้
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าในพื้นที่การไฟฟ้า
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าในพื้นที่พันธมิตร
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : MEA EV
กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ภายในประเทศ ได้เปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีทั้งรูปแบบการชาร์จแบบ Normal Charger และ Quick Charger โดยให้บริการสถานีภายในโรงผลิตไฟฟ้าของและพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน PT Station ทั่วประเทศ ดังนี้
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ในพื้นที่สำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.)
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า นอกสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : EleXA
เปิดให้บริการโดย บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) โดยรองรับสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV และ PHEV ทั้งรูปแบบ Normal Charge และ Quick Charge ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ปัจจุบันมีสถานีบริการชาร์จรถไฟฟ้าทั้งหมด 705 สถานี 2,077 หัวชาร์จ ซึ่งถือว่ามีมากที่สุดมีดังนี้
ค้นหาสถานีเพิ่มเที่และค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : EV Station PluZ
ดำเนินกิจการโดยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่รองรับการชาร์จได้ทั้งรถแบบไฟฟ้า PHEV และ BEV Empire Tower ชั้น B1 ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า สถานีเติมน้ำมัน และอาคารสำนักงานต่างๆ เป็นต้น มีดังนี้
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : EA Anywhere
สถานีชาร์จไฟฟ้า SHARGE เป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ให้บริการ EV Charger ที่มีโซลูชั่นที่ครอบคลุมทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ เพื่อให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าและเลือกจุดชาร์จได้หลายช่วงเวลา สำหรับสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวของ SHARGE ดังนี้
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : SHARGE
MG เปิดให้บริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ MG Super Charge สามารถชาร์จได้ทั้งแบบ Normal Charge ผ่านทางเครื่องชาร์จที่มีหัวชาร์จแบบ Type 2 และการชาร์จแบบ Quick Charge ที่มีหัวชาร์จแบบ CCS
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : MG iSMART
8. จุดชาร์จรถไฟฟ้า BMW Charging Station
BMW Charging Station ร่วมมือกับพันธมิตรในให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในสถานที่สาธารณะ โรงแรม และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท สถานีชาร์จ BMW EXCLUSIVE PARKING และ BWM CHARGING STATION นั้นมีให้บริการถึง 40 สถานี ส่วนอีก 9 สถานีเป็นสถานที่บริเวณศาลเจ้า
BMW Exclusive Parking
BMW Charging Station
BWM Charging Station บริเวณศาลเจ้า
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : My BMW
EVolt ผู้ให้บริการระบบประจุยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ evolt มีมากกว่า 200 สถานี มักกระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และตามจังหวัด เช่น ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา อำเภอหาดใหญ่
ค้นหาสถานีเพิ่มเติมและค่าบริการได้ที่แอปพลิเคชั่น : EVolt
เทคนิคการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกต้อง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ สามารถทำได้ดังนี้
1. ไม่ควรปล่อยให้แบตเหลือ 0% และไม่ควรชาร์จให้เต็ม 100%
เพราะจะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ทำงานหนักทำให้ร้อน เมื่อทำการชาร์จไฟฟ้าจึงส่งผลทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมได้ ดังนั้น พยายามรักษาแบตเตอรี่รถให้อยู่ที่ 20% แล้วจึงทำการชาร์จ จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีมากๆ ในการชาร์จไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% เนื่องจากมีผลการทดลองมาแล้วว่าการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสม คือ ควรชาร์จไฟแบตเตอรี่รถให้อยู่ระหว่าง 80-90% เพื่อระบบ Regenerative braking สามารถทำงานได้ทันที ซึ่งการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้เต็ม 100% เสี่ยงต่อการที่จะทำให้แบตเตอรี่ของรถเสื่อมเร็วได้เช่นกัน
2. หลีกเลี่ยงชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าระบบ DC ในอุณหภูมิที่สูง
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าระบบ DC ช่วยทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มอย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาไปเยอะมาก แต่ในขณะที่ชาร์จไฟฟ้าระบบ DC จะเกิดอุณหภูมิสูงมากหรือต่ำมาก อาจส่งผลต่อความจุของแบตรถไฟฟ้าในระยะยาวทำให้แบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
3. ดูแลรักษาแบตเตอรี่
รถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องมีควรตรวจสภาพรถ เช่น การเช็คระยะ ตรวจสอบแบตเตอรี่ สลับยาง การตรวจสอบเบรก และตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป
สำหรับพิกัดจุดชาร์จรถไฟฟ้าข้างต้นเป็นเพียงพิกัดบางส่วนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันผู้ให้บริการได้เปิด EV Charging เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถเข้าไปเช็คสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและค่าบริการเพิ่มเติม ได้ที่แอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ส่วนใครกำลังมองหาซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง สภาพดี ราคาหยัด สามารถเข้ามาเลือกชมได้ที่ EVมือสองราคาคุ้ม
สนใจซื้อรถบ้านมือสอง เจ้าของขายเอง รถคุณผู้หญิง หรือรถจากดีลเลอร์เต็นท์ ที่ทางเว็บไซต์ได้คัดสรรรถที่มีคุณภาพมาให้คุณได้เลือก สามารถเข้ามาค้นหารถบ้านมือสอง ราคาถูก สภาพดี ได้ง่ายๆ กับ RodPromptKai มีรถพร้อมขายให้เลือกมากมายจากหลากหลายแบรนด์ดัง พร้อมรับประกันคุณภาพรถบ้านมือสองแท้ รับรองว่าได้รถที่คุ้มค่าในราคาที่โดนใจแน่นอน หรือสนใจลงขายรถบ้านกับรถพร้อมขาย ลงขายฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ! เช็กราคากลางและตั้งราคาขายเองได้เลย ลงขายง่ายและสะดวกมากเพียงไม่กี่ขั้นตอน เรื่องซื้อขายรถมือสองต้องที่ RodPromptkai.com เท่านั้น