รถญี่ปุ่น VS รถยุโรป ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ

12 Sep 2024 14:40
Share แชร์ Share on Facebook Share on Twitter Share on Line
รถญี่ปุ่น VS รถยุโรป ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ

 

สำหรับน้องใหม่ในวงการยานยนต์หรือใครที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกอยู่ นอกจากต้องดูที่ปัจจัยหลายอย่างทั้งเครื่องยนต์ ขนาดรถแล้ว คงลังเลไม่น้อยว่าจะเลือกรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นหรือยุโรปดี เพราะปัจจุบันรถยนต์จากสองสัญชาตินี้ก็ยังคงเป็นสองสัญชาติที่ครองตลาดรถยนต์มาอย่างยาวนานและมีตัวเลือกหลากหลายแบรนด์ วันนี้เราจะพาทุกคนไปเปรียบเทียบแบบหมัดต่อหมัดเลยว่ารถญี่ปุ่นและรถยุโรปมีข้อดีข้อเสียที่ได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไรบ้าง

 

รถญี่ปุ่น

1.อึด ถึก ทน

หนึ่งในจุดเด่นหลัก ๆ ของรถญี่ปุ่นที่ใครต่อใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันคือ “รถญี่ปุ่นมันทนมากกก” หลายคนใช้รถยนต์คันเดิมมายาวนานกว่า 10-20 ปีก็ยังสามารถใช้งานได้ดีไร้ปัญหาจุกจิกอย่างที่รถเก่าควรเป็น หากคุณรู้จักที่จะดูแลรักษารถและหมั่นตรวจเช็คสภาพรถสม่ำเสมอ รถญี่ปุ่นก็สามารถอยู่กับคุณได้ยาวนานแน่นอน

2.ซ่อมบำรุงง่าย ราคาถูก

รถญี่ปุ่นหลายรุ่นหาอะไหล่ง่ายมากเช่นเดียวกับสถานซ่อมบำรุงที่มีมากมายหลายแห่งไม่ต่างกัน ยิ่งหากคุณใช้รถญี่ปุ่นที่เป็นรุ่นตลาดหรือรุ่นยอดนิยมแล้วล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะหาอะไหล่ดี ๆ ในราคาไม่แพง หรือหากรถของคุณมีปัญหาระหว่างเดินทางในต่างจังหวัด อู่ส่วนใหญ่ก็สามารถช่วยดูแลและซ่อมบำรุงให้ได้ทันที

3.ประหยัดน้ำมันสุด ๆ !

ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด รถยนต์จากญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ๆ เองก็มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการประหยัดน้ำมัน เช่น ECO car รวมไปถึงระบบ Hybrid (ไฮบริด) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเดิม

4.ขายต่อง่าย ใคร ๆ ก็เล่นกัน

รถญี่ปุ่นถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมในตลาดรถยนต์มือสองมาตลอดอย่างยาวนานอยู่แล้ว ดังนั้นหากคุณต้องการขายรถต่อเป็นรถยนต์มือสองก็ยังคงได้รับความสนใจอยู่ไม่มากก็น้อย อีกทั้งราคาที่อาจตกไปไม่เยอะมากจากราคามือหนึ่งออกห้าง ซึ่งเมื่อเทียบกับรถจากฝั่งยุโรปที่เมื่อขายเป็นมือสองแล้วถือว่าราคาตกไวกว่ารถญี่ปุ่นอยู่มาก

 

รถยุโรป

1.ดีไซน์หรูหรา เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ขึ้นชื่อว่ารถยุโรปแน่นอนว่าต้องมาพร้อมความหรูหราเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในด้วยวัสดุเกรดพรีเมียม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากในรถญี่ปุ่นจนแทบจะหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เรียกว่าสำหรับรถยุโรปอาจไม่เน้นความหลากหลายเหมือนอย่างรถญี่ปุ่น แต่เน้นความเป็นตัวของตัวเองสำหรับเจ้าของรถก็ว่าได้

2.เครื่องยนต์ที่เร็วแรง

แทบจะเป็นจุดเด่นแรก ๆ ที่เมื่อพูดถึงรถยุโรปก็นึกถึงเรื่องความแรงของเครื่องยนต์เลยก็ว่าได้ ด้วยเครื่องยนต์ที่ให้กำลังม้าที่เร็วแรงแต่เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีขนาดเล็ก มาพร้อมช่วงล่างที่แข็งแรงยึดเกาะถนนได้ดี ผู้ขับขี่ที่หลังไหลในความเร็วหลายคนจึงชื่นชอบในเครื่องยนต์ของรถยุโรปกันมาก

3.ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ!

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นผ่านตามาบ้างกับข่าวรถยุโรปโดนชนจนยับแต่ผู้โดยสารกลับบาดเจ็บแค่เล็กน้อย นั่นเพราะรถยุโรปให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยการสร้างโครงรถยนต์และตัวถังจากเหล็กเกรดพรีเมียมที่มีความแข็งแรงทนทน อีกทั้งถุงลมนิรภัยที่มีอยู่รอบห้องโดยสาร รถยุโรปจึงเป็นที่มาของคำว่าเหล็กหุ้มหนังอย่างแท้จริง

4.แพง!!! แต่คุ้มค่ากับราคาที่จ่าย

ปฏิเสธไม่ได้แน่นอนว่ารถยุโรปมีราคาที่แพงกว่าเมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่น แต่ด้วยราคาที่แพงนั้นก็แลกมากับความคุ้มค่าที่คุณไม่ต้องมาคอยกังวลใจ ปัญหาจุกจิกที่อาจจะเจอระหว่างใช้งาน อีกทั้งชื่อเสียงของแบรนด์รถยุโรปส่วนใหญ่ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก จึงรับประกันได้เลยว่าสิ่งที่คุณได้รับหลังเสียเงินจำนวนมากจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน

 

สรุปง่าย ๆ สำหรับใครที่ยังงง ๆ ว่ารถยนต์ทั้งสองสัญชาตินี่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง คือ รถญี่ปุ่นมีจุดเด่นที่ความประหยัดสมกับการเป็นรถตลาด อะไหล่และสถานซ่อมบำรุงหาได้ง่ายราคาไม่แพง เหมาะกับคนที่เน้นใช้งานทั่วไป แต่หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่เน้นความคุ้มค่าไม่เกี่ยงราคา ขับสนุกไม่อยากเปลี่ยนรถบ่อย รถยุโรปก็คงจะตอบโจทย์คุณที่สุด

 

หากใครกำลังมองหารถยนต์มือสองดี ๆ สักคัน Rodpromptkai.com ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่อยากจะให้คุณได้ลองเข้าไปเยี่ยมชม เพราะเรามีรถยนต์มือสองสวย ๆ ทั้งจากฝั่งญี่ปุ่นและฝั่งยุโรปให้เหลือกหลากหลาย ตอบสนองทุกความต้องการของคุณอย่างแน่นอน